My Little

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

diary blog ต๊องๆของคนเพี้ยนๆ



ยังไม่ทันจะทันไรตื่นเช้ามาก็นั่งเขียนบล็อกใหม่ซะล่ะ 555บล็อกนี้ยังไม่ทันจะดีเลยแท้ๆเชียวนะ บล็อกใหม่นี้จะเขียนเกี่ยวอะไรๆที่เหมือนจะเป็นไดอารี่ส่วนบล็อกเก่านี้จะเขียนอะไรที่เหมือนจะเป็นเรื่องใกล้ตัวนั่นว่าไปนั่นเลยเชียวยังไม่รู้จะมีคนมาอ่านรึป่าว5 55
"ก็ยังไงก็อฝากบล็อกทั้งสองบล็อกด้วยนะคร้าบสำหรับผู้ที่เคยๆเข้ามาอ่าน^^ คลิกที่รูปเข้าสู่อีกบล็อก!!!"

LOVE

รักคืออะไร ทำไมคนเราถึงต้องการที่จะมีความรัก แล้วถ้ามีมันจะดีหรอ ถึงมันไม่ดีแต่ก็อยากจะมีกัน ก็อย่างทีี่ว่ามีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด  คนเราถึงอยากมีความรักให้กันไง บางคนรักใครไปแล้วก็หวังให้คนๆนั้นหันกลับมารักเรา บางคนก็รักโดยไม่หวังอะไรเลย แล้วแบบไหนที่มันดีกว่ากันล่ะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนล่ะกันนะ ไม่ว่ากันคนเราย่อมมีความคิดต่างมุมกันอยู่แล้วในเรื่องอย่างนี้อ่ะนะ
"แล้วสรุปรักมันคืออะไรกันล่ะทำไมถึงต้องการกันนักหนาอันนี้เราก็ไม่รู้..."

Paper

ต้นไม้หนึ่งต้นจะผลิตกระดาษได้ซักกี่แผ่นกัน กว่าเราจะปลูกต้นไม้ให้โตคงใช้เวลานานน่าดูแต่พอมาแปรรูปเป็นกระดาษรู้สกแค่แปเดียวเท่านั้นเองนะ เวลาใช้ก็เหมือนกันแปปเดียวก็หมดล่ะ คงไม่ต้องบอกนะทำไมโลกถึงร้อนก็เพราะตัดต้นไม้มาทำเป็นกระดาษละมั้ง555ว่าไปนั่น จะมีใครไหมที่จะใช้กระดาษทั้งสอง คงจะมีน้อยรึไม่ก็แทบจะไม่มีเลย คนที่เห็นค่าของกระดาษก็คงมีน้อยไปด้วยนั่นแหละ ใช้เสร็จก็ขยำทิ้งลงถังขยะ แล้วทำไมถึงไม่ใช่กระดาษให้ครบทั้งสองด้านล่ะไหนๆมันก็ผลิตขึ้นมาแล้วจะลองใช้ให้คุ้มดูหน่อยจะเป็นไรยังไงมันก็เงินเรานิ บางคนก็คิดแค่ว่าเงินฉันนิมีสิทธิ์จะทำไรกับกระดาษใบนั้นก็ได้หมดก็ซื้อใหม่เห็นจะยากเลย ครับๆเราคงว่าไรคุณไม่ได้แต่คุณก็อย่าบ่นว่าโลกทำไมมันร้อนขึ้นนะครับ ว่าไปนั่นเลยเรา
"ที่กระดาษมีสองด้านไว้ให้ใช้ก็คงมีไว้เพื่อแก้ตัวล่ะมั้ง เมื่อด้านนึงใช้ผิดก็ยังมีอีกด้านไว้แก้ไขล่ะมั้ง55 5 คิดเองเออเองล่ะมั้งก็เหมือนกับเราเมื่อทำไรไม่ดีก็ยังแก้ไขได้เลยว่าม่ะ o.0!!!"

Time

เวลาในหนึ่งวันนั้นมีเพียง 24 ชั่วโมง ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันมากหรือมันน้อย แต่ที่รู้แน่ๆมันทำอะไรได้มากมายเรยล่ะ แล้วเวลาที่เราใช้ๆกันอยู่มันขึ้นอยู่กับอะไรล่ะ ตัวเลขบนนาฬิกาที่เราเห็นหรอ คงไม่ใช่แล้วล่ะ ถ้าจะบอกว่ามันคงขึ้นอยู่กับพระอาทิตย์คงจะถูกกว่าล่ะมั้ง พระอาทิตย์ขึ้นก็เช้าพระอาทิตย์ลงก็เย็น เราใช้พระอาทิตย์อิงกับเวลาที่เราใช้อยู่น่าจะถูกกว่า แล้วถ้าวันนึงไม่มีพระอาทิตย์ล่ะ เวลาของเราจะเดินได้ยังไง แต่มันคงจะเดินไปเรื่อยๆไม่มีวันหยุดแน่ๆมันก็คงไม่เดินย้อนกลับหรอกนะว่ามั้ย
"เวลาที่เราได้ใช้ๆกันอยู่นี้ลองคิดกันดูนะว่าเราได้ใช้มันคุ้มแล้วหรือยัง"

Disconnect To Connect

สำหรับบางคนแล้วคิดว่าโทรศัพท์คืออะไรกันนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงคิดกันแค่ว่ามันก็มีไว้แค่รับกะโทรออกอ่าดิ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนิ โทรศัพท์ในตอนนี้มันคงทำได้มากกว่าแค่โทรแล้วก็รับ มันมีไรให้น่าสนใจอีกตั้งเยอะ มันคงไม่แปลกนักที่ใครต่อใครก็มีโทรศัพท์ แต่ถ้าเราสังเกตุกันดีๆชีวิตของคนในสมัยนี้จะยึดติดกับโทรศัพท์เดินไปไหนไม่คุยโทรศัพท์ก็แชตบ้าง เช็คเฟสบ้าง เล่นเกมส์บ้าง ฟังเพลงบ้าง บางคนถึงกลับลืมบุคคลรอบข้างไปเลยก็มี ลองคิดดูดีๆนะคุณจะรู้สึกยังไงเมือคนข้างๆคุณเข้าไปอยู่กับโลกส่วนตัวกับโทรศัพท์โดยลืมคุณที่มีตัวตนอยู่ข้างๆแท้ๆแต่กลับไม่ได้รับความสนใจ คงจะเซงน่าดูถ้าเกิดเป็นอย่างนี้เฮ้อออ
"แต่ถึงยังไงไม่ว่าโทรศัพท์จะมีไว้โทร หรือ รับ หรือ ส่งข้อความ หรืออะไรก็ตาม สรุปแล้วมันก็มีไว้ติดต่อกันนั่นแหละ แต่ถ้าคุณลองวางไว้ซักนิดแล้วลองนึกถึงคนข้างๆคุณดูบ้างล่ะจะรู้สึกยังไง..."

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

Pencil & Eraser

บางคนยังสงสัยว่าทำไมดินสอถึงต้องมียางลบติดมาด้วย?? แต่สำหรับบางคนคงบอกว่าดีแล้วล่ะจะได้ไม่ต้องซื้อยางลบเพิ่มไง5 55 ยางลบที่ติดมากับดินสอใช่ว่าจะลบสะอาดเสมอไป ไม่สิ แต่มันไม่สะอาดเลยตะหาก แล้วเราจะเอาอะไรมากล่ะ กับราคาแค่5บาทแถมยังมียางลบติดมาด้วย(ราคาอย่างต่ำนะ) เฮอะๆแล้วมันมีไว้ทำไมล่ะ ลองคิดกันดูดีๆนะ เราใช้ยางลบตอนไหน...ตอนที่เขียนผิดไงล่ะ เราเขียนผิดทีก็จะใช้ยางลบลบทีนึง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะสะอาดนี่นาอย่างน้อยมันก็คงเหลือร่องรอยเอาไว้ ถ้าเทียบในชีวิตจิงแล้วมันก็คล้ายๆกันล่ะ ความผิดนะใช่ว่าจะลบออกไปได้ง่ายๆ อย่างน้อยมันก็เหลือร่องรอยไว้เสมอละถึงแม้ร่องรอยนั้นไม่ได้เป็นวัตถุแต่ในจิตใจยังคงมีอยู่ไม่อาจลบออกไปได้หมดเหมือนที่ยางลบพยายามที่จะลบคำผิดออกให้หมดไงล่ะ
"ดังนั้นเหตุที่ดินสอต้องมียางลบก็เพราะไว้คอยลบคำผิดที่เกิดขึ้น เหมือนคนเราที่ย่อมทำผิดได้แต่ก็แก้ไขได้เช่นกันถึงแม้ว่าจะแก้ได้ไม่หมดก็ตาม"

Social network



โลกออนไลน์ สำหรับใครบางคนแล้ว อาจคิดว่ามันอาจดูงี่เง่านักว่า 

"ทำไมต้องมีโลกออนไลน์ทั้งๆที่โลกความเป็นจริงมันดีกว่าอยู่แล้วไม่ใช่หรอ"

แต่มันกลับไม่ใช่บางครั้งถึงแม้คนเราจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนข้างนอกไม่ได้ก็ใช่ว่าจะนั่งเหงาอยู่แต่บ้าน แต่ยังมีโลกออนไลน์อยู่เป็นเพื่อน สังคมออนไลน์ที่จะยอมรับผู้คนจำนวนมากมารู้จักกันทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป แต่ก็อย่าลืมไปที่ว่าจะยึดติดอยู่กับที่จนลืมไปว่าเรายังมีเพื่อนอีกจำนวนมากที่อยู่ในโลกความจริง แง่ลบของโลกออนไลน์จึงมีขึ้น มันทำให้เกิดสังคมที่มีการหลอกลวงขึ้นการสนิทกันบนโลกแห่งนี้มีมากขึ้นทั้งๆที่มันไม่มีตัวตนอย่เลยก็ตาม การชี้นำไปสู่สิ่งที่ผิดก็มีมากขึ้นตามกันไป เพื่อนที่หามาได้ถึงแม้มันเยอะตามตัวเลขที่ปรากฏออกมาแต่ความจิงใจที่หามาได้นั้นแทบไม่มีอยู่เลย 

"อยากให้ลองที่จะคิดทบทวนดูเพื่อนบนโลกออนไลน์หรือเพื่อนบนโลกความเป็นจริงความสัมพันธ์ที่ต่างกัน"